ก๊าซซีเอ็นจี (CNG-Compressed Natural Gas)
เป็นพลังงานทดแทนรูปแบบใหม่ที่ถูกนำมาใช้งานอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นในเรื่องของการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ และมีค่ามลพิษต่ำโดยโตโยต้าเริ่มต้นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับกับก๊าซชนิดนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ซึ่งจากคุณลักษณะของก๊าซซีเอ็นจี มีค่าออกเทนสูงจึงเหมาะที่จะนำมาใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีอัตราส่วนกำลังอัดสูง
ซึ่งจะทำให้ขุมพลังบล็อกนั้น ผลิตกำลังได้อย่างเต็มที่และมีค่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียต่ำมาก อย่างไรก็ตาม การใช้ก๊าซซีเอ็นจียังมีข้อจำกัดคือต้องใช้พื้นที่จัดเก็บถังบรรจุก๊าซขนาดใหญ่เพื่อให้ได้เชื้อเพลิงที่เพียงพอในการเดินทางระยะไกล ทำให้พื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระลดลง
Natural Gas for Vehicles (NGV)
เป็นก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ โดยก๊าซ NGV นี้ มีส่วนประกอบหลักคือ ก๊าซมีเทนที่มีคุณสมบัติเบากว่าอากาศ ส่วนใหญ่จะมีการใช้ อยู่ในสภาพเป็นก๊าซที่ถูกอัดจนมีความดันสูง (ประมาณ 3,000-3,600 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) เก็บไว้ในถัง ที่มีความแข็งแรงทนทานสูงเป็นพิเศษ เช่น เหล็กกล้า บางครั้งเรียกก๊าซนี้ว่า CNG (ซี เอ็น จี) ซึ่งย่อมาจาก Compressed Natural Gas หรือก๊าซธรรมชาติอัด การใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ มีข้อดีคือ เกิดการเผาไหม้สมบูรณ์ให้มลพิษต่ำ โดยเฉพาะปริมาณฝุ่นละออง (Particulate) และควันดำ ดังนั้นเมื่อคำนึง ถึงปัญหาสภาวะที่อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้น และปัญหามลพิษ รวมถึงสภาวะราคาน้ำมันโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติกาล นานาประเทศ ก็มุ่งไปสู่การลดปัญหา โดยส่งเสริมและสนับสนุน ให้มีการใช้ยานยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง โดยประเทศที่มีการใช้ยานยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอยู่แล้ว
ก็มีแนวโน้มที่จะขยายการใช้มากขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกาออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เกาหลี เป็นต้น ส่วนประเทศที่ยังไม่เริ่มใช้ รัฐบาลก็กำลังส่งเสริมให้มีการใช้ในอนาคต ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย
การนำก๊าซธรรมชาติมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์มีมากว่า 80 ปีแล้ว โดยประเทศ อิตาลีเป็นประเทศแรก ซึ่งปัจจุบันมีรถยนต์ใช้ก๊าซกว่า 300,000 คัน และต่อมาความนิยมใช้ก๊าซ NGV ก็มีแพร่หลายมากขึ้นทั้งในทวีปอเมริกาใต้ (เช่นประเทศอาร์เจนติน่า มีกว่า 1,400,000 คัน ซึ่งเป็นอันดับที่ 1 ในตาราง) ในทวีปอเมริกาเหนือ (สหรัฐอเมริกากว่า 130,000 คัน, แคนาดา 20,000 คัน) และในทวีปเอเชีย (มีในประเทศจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ไต้หวัน, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, อินเดีย และปากีสถาน) รวมถึงทวีปอัฟริกา เช่น อียิปต์ (มีประมาณ 62,000 คัน) ซึ่งในปัจจุบันทั่วโลกมีรถยนต์ใช้ก๊าซธรรมชาติกว่า 4.7 ล้านคัน สำหรับประเทศไทยของเรามีการส่งเสริมอย่างจริงจังมากๆ ตอนนี้เราอยู่ในอันดับที่ 23 ทีเดียว
